"ชีวิตในวัยมัธยมเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต"
เป็นวัยแห่งการทดลอง ชีวิตมีอิสระเสรี เป็นวัยที่ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆเยอะที่สุด เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรที่อยากทำก็ควรรีบทำซะ เพราะว่าเวลาที่เรามีอยู่มันสั้นนัก ถ้าปล่อยให้มันผ่านไปแล้วมันก็จะผ่านไปเหมือนดั่งสายน้ำที่ไม่ไหลย้อนกลับ
"วารีไม่คอยท่า เวลาไม่คอยคน"
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงจะไม่เชื่อ และก็คงจะไม่สนใจกับคำพูดเหล่านี้ แต่เมื่อผมโตขึ้นและได้มาใช้ชีวิตอยู่ในมหาลัย มันได้ทำให้ผมเรียนรู้ว่า ชีวิตหลังจากจบมัธยมแล้วมันก็เริ่มที่จะเข้าสู่ชีวิตของผู้ใหญ่ จะทำอะไรก็ต้องรู้จักคิดให้มาก อยู่กับความเป็นจริงให้มาก จะทำอะไรตามแต่ใจตัวเองเหมือนเด็กๆไม่ได้ เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้ว มันจึงทำให้ผมรู้สึกเสียดายจิงๆที่ใช้เวลาไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร
ตลอดระยะเวลา 12 ปี ที่ผมได้อาศัยอยู่ใน"รั้วม่วงทอง" นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต ภายใต้"หลังคาชงโค"หลังนี้มันมีทั้งความสุข ความทุกข์ ความสนุก ความเศร้า ความดีใจ ความเสียใจ และอีกหลายๆความรู้สึกอีกมากมายคละเคล้ากันไป ถ้าจะให้บรรยายแล้วมันก็คงจะบรรยายได้ไม่หมด รร.นี้ได้ถ่ายทอดทั้งความรู้ ความคิด ปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี คุณธรรม ศีลธรรม รวมทั้งความรักสถาบัน เรียกได้ว่าไม่ได้แค่สร้างนร.ที่มีแต่ความรู้ แต่ยังสร้างคนที่ดีให้แก่สังคมอีกด้วย
นอกจากนี้รร.นี้ยังได้เน้นเรื่องของความรักสามัคคีกันในหมู่คณะ ไม่ว่าจะเป็นภายในรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่รุ่นน้อง หรือว่าต่อคนอื่นๆก็ตาม พวกกิจกรรมต่างๆเช่น งานกีฬาสี งานฟุตบอลจตุรมิตร งานครบรอบวันเกิดรร. งานปีใหม่ ทางรร.จะสนับสนุนให้นร.ม.ปลายได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมตลอดโดยมีอาจารย์เป็นที่ปรึกษา เพื่อเป็นการฝึกการทำงานเป็นหมู่คณะ สร้างความสามัคคีภายในรุ่น ซึ่งในตอนม.ปลาย ผมก็มีโอกาสได้ทำงานเหล่านี้กับเพื่อนๆ"รุ่น155" และก็เป็นที่แน่นอนว่าเมื่อมีการทำงานกันของคนหมู่มาก ก็ย่อมมีการโต้เถียงกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นในระหว่างฝ่ายงานเดียวกันหรือคนละฝ่ายงาน แต่สุดท้ายงานก็ออกมาเสร็จเรียบร้อยดี ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจและภาคภูมิใจที่ว่า เราได้มีส่วนร่วมในการทำงานของรุ่นให้ออกมาสำเร็จได้ด้วยดี
นอกจากการทำงานแล้ว อาจารย์บางท่านก็เป็นส่วนหนึ่งในความประทับใจของผม เพราะว่าพวกท่านได้สั่งสอนผมทั้งในเรื่องความรู้และการใช้ชีวิต ท่านได้ให้ทั้งข้อคิดดีๆและอบรมสั่งสอนในสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ รวมทั้งท่านยังเป็นคนที่คอยรับฟังและให้คำปรึกษาเวลาที่ผมมีปัญหา และอาจารย์ก็ยังเป็นที่ปลูกฝังให้ผมรักและจงรักภักดีในสถาบัน รักในความเป็น"เลือดม่วงทอง"ของเด็กคริสเตียนทุกคน
"โรงเรียนเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย"นี่ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจในการที่ได้มาเรียนที่สถาบันแห่งนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่ารร.ของผมเป็นรร.ที่ทั้งเก่าแก่และมีชื่อเสียง และสถานที่ของรร.นี้ก็เป็นอีกหนึ่งในหลายๆความประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น โรงอาหารที่มีอาหารอร่อยๆให้เลือกมากมาย 20 กว่าร้าน ตึกเรียนที่มีความโอ่โถง สวยงาม ห้องสมุดหรือห้องต่างก็มีความสะดวกสบาย ทันสมัย โรงยิม สระว่ายน้ำ สนามฟุตบอล และที่ขาดไม่ได้ก็คือ "หอธรรม" ซึ่งเป็นหอประชุมที่เก่าแก่ ใหญ่ มีความสวยงามทั้งรูปทรงภายนอก ภายใน และยังเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของรร.แห่งนี้อีกด้วย
และสุดท้ายซึ่งน่าจะเป็นความประทับใจที่สุดของทุกๆคนในช่วงชีวิตมัธยม นั่นก็คือคำว่า"เพื่อน" การที่ได้มาอยู่ใน"รั้วชงโค"แห่งนี้ มันได้ทำให้ผมได้พบกับเพื่อนที่ดีมากมาย เพื่อนที่คอบรับฟังเวลาผมมีปัญหา เพื่อนที่ทำงานด้วยกัน ฝ่าฟันปัญหาต่างๆไปด้วยกัน เพื่อนที่ได้พูดคุย ได้เฮฮา ใช้เวลาที่สนุกสนาน เรียกได้ว่าถ้าผมไม่ได้มาเรียนที่รร.แห่งนี้ ก็คงจะไม่ได้เจอกับเพื่อนดีๆเหล่านี้มากมาย ผมเชื่อว่าการที่หลายๆคนยอมมารร.แต่เช้า ต้องยอมตื่นทั้งที่ไม่อยากตื่น คงไม่ใช่แค่ว่าเพราะพ่อแม่อย่างเดียวเท่านั้น แต่เพราะว่าการได้มาเจอกับเพื่อนๆ ได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน หรือไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอื่นๆ แต่เหตุผลเหล่านั้นก็คงจะมีเพื่อนเป็นส่วนหนึ่งอย่างแน่นอน ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า หากชีวิตมัธยมของทุกๆคนนั้นขาดคนที่เรียกว่าเพื่อนไปแล้ว มันก็คงจะไม่เรียกว่าชีวิตมัธยม และก็คงจะเป็นที่น่าเสียใจ ที่ต้องพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย